ไหว้พระ9วัดอยุธยา วัดไหนดี ? ชวนเดินสายไหว้พระ

เริ่มต้นปีแบบนี้หลายคนอยาก  ไหว้พระ9วัดอยุธยา  วันนี้เรารวมตัวกันไปสักการะพระพุทธรูป 9 องค์ที่วัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อสวดมนต์ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี ไหว้พระเสริมดวง อยุธยา  แถมยังมีมุมเซลฟี่สวยๆอีกเพียบ! สำหรับเพื่อนๆ บอกเลยว่าแต่ละวัดมีตำนานมาตั้งแต่สมัยอยุธยา วัดอยุธยา สายมู  และนอกจากจะสามารถไหว้พระได้แล้ว ยังเป็นจุดเช็คอินและจุดถ่ายรูปที่สวยงามอีกด้วย เอาเป็นว่าถ้ามาเที่ยวเมืองประวัติศาสตร์อย่างอยุธยาต้องไหว้พระที่ 9 ที่อยุธยาเพื่อขอพรตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นปี มุมเซลฟี่สวยๆเพียบ! ให้มันได้อย่างนี้สิ!!

วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ ใครกำลัง ไหว้พระเสริมดวง อยุธยา เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตนเองและครอบครัว? คุณคิดว่าจะเริ่มต้นอย่างไร? เพราะอยุธยาเต็มไปด้วยวัดเกือบทั้งเมือง เราจึงจัดตารางการเดินทางให้คุณ ขับรถไป 9 วัดและร้านอาหารอร่อยระหว่างทางที่นี่เพื่อคุณ เราควรถึงอยุธยาตอน 9 โมง เพราะถ้ามาช้าอาจจะไปไหว้พระที่ 9 ไม่ทัน แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในวันเสาร์และอาทิตย์ ควรมีโปรแกรมสักการะ 9 วัดด้วย และเมื่อไหว้พระ 9 วัด ทุกคนต้องนึกถึงอยุธยา วันนี้จะพาเพื่อนๆ ไปไหว้ 9 วัดในอยุธยา เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตัวผมและครอบครัว แต่จะวัดได้ที่ไหน มาดูกัน

 

ว้พระ9วัดอยุธยา วัดไชยวัฒนาราม

 

 

ไหว้พระ9วัดอยุธยา  เริ่มกันที่วัดแรกที่โด่งดังจากละคร “บุปเพสันนิวาส” วัดไชยวัฒนาราม หรือ วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททองเพื่อถวายแด่พระราชินีและเป็นอนุสรณ์ชัยชนะเหนือเขมร ส่งผลให้สถาปัตยกรรมของวัดไชยวัฒนารามได้รับอิทธิพลจากนครวัด ความโดดเด่นของวัดคงหนีไม่พ้นว่าปรางค์หลักและปรางค์อยู่บนฐานเดียวกัน รอบเจดีย์หลักยังล้อมรอบด้วยระเบียงประดิษฐานพระพุทธรูป 120 องค์ ปางมารวิชัย

วัดไชยวัฒนาราม สร้างในปี พ.ศ. 2330 โดยพระเจ้าปราสาททอง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงสร้างที่ประทับเดิมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมารดา แต่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฯ รัชกาล. เป็นที่ฝังศพของพระราชวงศ์ส่วนใหญ่ 

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ณ วัดนี้ ก่อนการล่มสลายของเมืองในปี พ.ศ. 2310 วัดไชยวัฒนารามได้ดัดแปลงเป็นค่ายทหาร หลังสูญเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง วัดไชยวัฒนาราม ทิ้งร้างตลอดกาล บางครั้งมีผู้ร้ายแอบขุดหาสมบัติ พระเศียรของพระพุทธเจ้าถูกขโมยไป อิฐถูกรื้อถอนที่วัด และกำแพงวัดเพื่อจำหน่าย แต่ในปี พ.ศ. 2530 กรมศิลปากรได้เข้ามาอนุรักษ์จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2535

 

วัดนิเวศธรรมประวัติ

 

 

ใกล้วันมาฆบูชาแล้ว และเป็นวันหยุดยาวที่ชาวพุทธจะทำบุญในวันสำคัญทางศาสนา และมีวันหยุดหรือเดินทางใกล้บ้านในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีวัดหนึ่งที่สวยงามกว่าวัดอื่น วัดอยุธยา สายมู  สิ่งที่อยากแนะนำในกรณีที่ใครมาเที่ยวในช่วงวันหยุดมาฆบูชาคือ “วัดนิเวศธรรมประวัติ” ตั้งอยู่บนเกาะบ้านเลนกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามวังบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาความงามที่แปลกเพราะความพิเศษของวัดนี้คือรูปร่างภายนอกของอุโบสถดูเหมือนโบสถ์คริสต์ ถ้าใครได้ดูครั้งแรกคงคิดว่าที่นี่เป็นโบสถ์แบบตะวันตกมากกว่า เนื่องจากสถาปัตยกรรมภายนอกเป็นศิลปะแบบโกธิก มีหน้าต่างกระจกสีที่ตกแต่งอย่างสวยงาม อาคารประกอบต่างๆ ภายในวัดเป็นแบบตะวันตกเช่นกัน และยังมีประวัติศาสตร์โบราณ มีประวัติที่น่าสนใจอีกด้วย

วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก แบบราชวรวิหาร ภายใต้นิกายพุทธธรรมยุต ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2421 เป็นเมรุแบบโกธิกของโบสถ์คริสต์ คริสตจักรถูกสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบคริสตจักรคริสเตียน ภายในประดิษฐาน “พระพุทธนฤมล ธรรมโพธิ์” เป็นพระประธาน โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับการออกแบบด้วยรูปแบบเฉพาะที่ผสมผสานศิลปะแบบดั้งเดิมและแบบตะวันตก ซึ่งมีลักษณะทางพระพุทธศาสนาคล้ายกับคนทั่วไป นอกจากนี้ฐานของชุคชียังดูเหมือนไม้กางเขนของโบสถ์ และผนังโบสถ์หน้าพระประธาน เป็นภาพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประดับกระจกสี ค่าเข้าชมฟรี

 

วัดพนัญเชิงวรวิหาร

 

 

วัดพนัญเชิงเป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญในอยุธยา มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะ หลวงพ่อโต๊ะ หรือ เจ้าพ่อสามปอกง ที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนนับถือมาช้านาน เมื่อมาที่วัดแห่งนี้จะพบว่ามีผู้คนแห่บูชาหลวงพ่อโตเป็นจำนวนมาก ประวัติวัดพนัญเชิงเป็นวัดที่มีประวัติมายาวนาน สร้างขึ้นก่อนการก่อตั้งกรุงศรีอยุธยา และไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าใครสร้าง ตามพงศาวดารภาคเหนือ ว่ากันว่าสายน้ำผึ้งให้กำเนิดและพระราชทานชื่อวัดเจ้าพระนางเชิงและในพงศาวดารหลวงประเสริฐกล่าวว่าพระพุทธเจ้าชื่อ “พะแนงเชิง” ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2410 26 ปีก่อนพระเจ้าอุ- ทองก่อตั้งอยุธยา

ไหว้พระเสริมดวง อยุธยา  พระทองคำในวัดในอุโบสถวัดพนัญเชิง มีพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือ พระทอง พระพุน พระนาคปรก และพระทองคำ เป็นพระพุทธรูปในสมัยสุโขทัย หน้าตักทำด้วยทองสัมฤทธิ์ กว้าง 3 ศอก สูง 4 ศอก สะท้อนแสงสีทองได้ชัดเจน องค์กลางเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยา หน้าตักกว้าง 4 ศอก สูง 5 ศอก พญานาคเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยสีแดง หน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 5 ศอก ว่ากันว่าพระพุทธรูปทองคำและพญานาคนี้เพิ่งค้นพบ เป็นพระพุทธรูปทองคำและพญานาคโดยบังเอิญ เพราะแต่เดิมพระพุทธรูปทั้งสององค์ถูกฉาบ ฉาบจนดูเหมือนพระพุทธรูปปูนปั้นทั่วไป สาเหตุอาจเป็นเพราะก่อนอยุธยาถูกศัตรูรุกราน คนในสมัยนั้นกลัวว่าพระพุทธรูปทองคำและพระนาคปรกนี้จะถูกขโมยหรือเผาจึงฉาบ เคลือบ และฉาบปูนในขณะที่ปูนไม่แห้งเพื่อทำเป็นเสื้อคลุมและลักษณะอื่นๆ เช่น ใบหน้าและประติมากรเด็ก เข้าใจว่าไม่ใช่พระพุทธรูปทองคำและพระพุทธรูปนาค ต่อมาพบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำเพราะปูนแตกและด้านในเป็นทอง จึงค่อยเอาปูนออกให้หมด จึงเห็นว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำและประดิษฐานอยู่ภายในอุโบสถของวัด

 

วัดพระงาม คลองสระบัว

 

 

ไหว้พระ9วัดอยุธยา   วัดพระงามหรือวัดจาราม เป็นโบราณสถานร้างในกลุ่มคลองของโบราณสถานสระบัว ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 4 ตำบลคลองสระบัว อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ควรถูกทิ้งร้างเมื่อเมืองที่สองหายไปในปี พ.ศ. 2310 ไม่มีเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับวัดพระงาม จากหลักฐานการขุดพบว่าวัดพระงามมีรูปแบบที่ได้รับความนิยมในสมัยอยุธยาตอนต้น หันหน้าไปทางทิศตะวันออก แนวเขตพระอุโบสถกำหนดโดยคูน้ำโดยรอบ มีเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมอยู่หน้าอุโบสถซึ่งสันนิษฐานว่าดัดแปลงมาจากวิหาร เจดีย์ทรงกลมตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมเหนือฐานแปดเหลี่ยม มีร่องรอยการล้อมเจดีย์ชั้นหนึ่ง แต่มันไม่ได้เปลี่ยนรูปร่าง แบบเจดีย์ในสมัยอยุธยาตอนต้นและต่อเนื่องไปจนถึงสมัยอยุธยาตอนปลาย อุโบสถมีฐานล้อมรอบตัวอาคาร มีร่องรอยการก่อสร้างทับอาคารเดิม

จากการขุดค้นพบโบราณวัตถุหลายอย่าง เช่น ดินเหนียว ปูนปั้น และองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมโลหะ กระเบื้องมุงหลังคา ลายปูนปั้น รูปพญานาค เทวดา เทพนม ตะปูจีน ฯลฯ พบพระพุทธรูปสำริดปางสมาธิ ไหว้พระเสริมดวง อยุธยา  เครื่องมือและเครื่องใช้ต่างๆ เช่น สิ่ว ถัง หม้อก้นกลม และเศษเครื่องปั้นดินเผาที่เหนียว สามารถหาได้จากเตาเผาของเตาแม่น้ำน้อย เตาบางพูน ศรีสัชนาลัย เตาสุโขทัย เครื่องใช้จีน ราชวงศ์หยวนและหมิง เครื่องถ้วยเวียดนามและญี่ปุ่น จุดเด่นของวัดคือประตูวัดที่พันรอบต้นโพธิ์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นประตูแห่งกาลเวลาซึ่งแสงแดดจะส่องผ่านซุ้มประตูในวันที่ 11 เมษายน 2562 กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมประกาศคัดเลือกต้นโพธิ์วัดพระงามเป็นไม้ยืนต้นประเภทมรดกที่ดินประจำปีงบประมาณ 2562

วัดภูเขาทอง, พระนครศรีอยุธยา

 

 

วัดอยุธยา สายมู วัดภูเขาทองก่อตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 9 สมัยอยุธยาตอนต้นในสงครามที่พระเจ้าบุเรงนองแห่งพม่าปกครองกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งทรงเอาชนะเมืองนี้ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2112 ก่อนคริสตกาล เพื่อสร้างเจดีย์มอญและพม่า เพื่อสร้างทับเจดีย์เดิมของวัดนี้เพื่อรำลึกถึงชัยชนะเหนือกองทัพไทย แต่สันนิษฐานว่าฐานของทักษิณสร้างได้เพียงส่วนล่างแล้วยกทัพกลับ จากนั้นเมื่อสมเด็จพระนเรศวรกลับคืนสู่อิสรภาพในปี พ.ศ. 2127 ได้มีการสร้างเจดีย์ทรงไทยขึ้นเหนือฐานมอญและพม่า จึงมีสถาปัตยกรรมหลายประเภทผสมผสานกัน แต่เจดีย์ภูเขาสีทองที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้ สันนิษฐานว่าได้รับการบูรณะให้มีความสูงสูงมากในสมัยพระมหาธรรมราชาถึงรัชสมัยพระเพชรราชา ระหว่าง พ.ศ. 2112-2203 พ.ศ. สมัยอยุธยาตอนปลาย 

การบูรณะเป็นฐานทัพทักษิณ 4 ชั้น ทรงสี่เหลี่ยม มีบันไดทั้ง 4 ด้านที่นำไปสู่ยอดฐานของทักษิณ ซึ่งมีฐานเจดีย์สี่เหลี่ยมมีอุโมงค์โค้งภายในประดิษฐานพระพุทธรูป 1 องค์ บนฐานแปดเหลี่ยมมีระฆังและพระที่นั่ง และทิศเหนือ ทำให้ใบและลูกแก้วถูกทำลายในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อจอมพล พิบูลสงคราม ปี พ.ศ. 2499 ได้ทำลูกปัดทองคำจำนวน 2,500 กรัม ไหว้พระเสริมดวง อยุธยา  เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการบูรณะพุทธศตวรรษที่ 25 ในช่วงสงครามก่อนที่เมืองแรกจะล่มสลาย คลองมหานาคถูกขุดเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญระหว่างกรุงเทพฯ เลียบแม่น้ำลพบุรีและวัดภูเขาทอง ในสมัยก่อนบริเวณพุทธวัตยังคงเป็นกำแพงแก้วสูง 688 เมตร ล้อมรอบด้วยวิหารขนาดเล็ก ด้านหน้าพระอุโบสถมีเจดีย์ไม้ปิดภาคเรียนสิบสององค์ แต่หลังจากเมืองที่สองแตก วัดบนภูเขาก็กลายเป็นวัดร้างเหมือนทั่วอยุธยา แต่ก็ยังมีคนจากทุกที่มาสักการะเจดีย์ใหญ่

 

วัดมหาธาตุ

 

 

วัดมหาธาตุเป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ใกล้วัดราชบูรณะ ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 คุณหลวงปางเหนือ เมื่อ พ.ศ. 2460 แต่ยังไม่แล้วเสร็จ พระองค์สิ้นพระชนม์และสร้างขึ้นเพิ่มเติมจนแล้วเสร็จในสมัยรามสูรโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อสร้างเจดีย์ประธานและนำพระธาตุมาบรรจุใต้ฐานเจดีย์หลักของวัดมหาธาตุในปี พ.ศ. 2470 ซึ่งได้ปรากฏในพิธีบรมราชาภิเษก พงศาวดารของราชวงศ์.

ความสำคัญของวัดมหาธาตุ นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังถือว่าเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางของเมืองและเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยากับพระสังฆราช ส่วนเครื่องบูชาแกะสลักในพระอุโบสถพระอรัญวาสีประทับอยู่ที่วัดป่าแก้ว (วัดใหญ่ชัยมงคล) เป็นที่ประดิษฐานพระศรีสินและจำเริญศรีศรรักษ์ พร้อมกลุ่มซุ่มโจมตีที่วัดมหาธาตุเจดีย์ก่อนเดินขบวนเข้าวังผ่านประตูมงคลสุนทรเพื่อจับกุมสมเด็จพระศรีเสาวภา วัดอยุธยา สายมู

ในสมัยพระธรรมปรางค์ของวัดเดิมที่สร้างด้วยศิลาแลง ยอดเจดีย์ถล่มลงมาเกือบครึ่ง แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ จึงไม่กลับคืนสู่สภาพเดิมในรัชกาลนั้น ต่อมาพระปราสาททองได้บูรณะให้มีความสูงรวม 25 วา ในปี พ.ศ. 2176 และในสมัยพระเจ้าบรมกชในปี พ.ศ. 2275 – 2288 จนเสียกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งที่สอง เวลา. วัดมหาธาตุถูกทำลาย เพียงซากปรักหักพังและถูกทิ้งร้าง ต่อมายอดเจดีย์ก็พังทลายลงมาอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 5

 

วัดมเหยงคณ์

 

 

ไหว้พระ9วัดอยุธยา   วัดมหายง ต.หันตรา อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา สมัยก่อนนี้เป็นพระอารามหลวง แต่กลายเป็นวัดร้าง ภายหลังการล่มสลายของอยุธยา แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมไปแล้ว บรรยากาศอันเงียบสงบในเมืองเก่า เพียงไม่กี่ปีสาวกมากมายมาปฏิบัติธรรม วัดมหายงค์ มาจากคำภาษาบาลี มหิยัง แปลว่า ภูเขา หรือ เนินดิน ซึ่งสอดคล้องกับบริเวณวัดในพุทธศาสนาของวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ตามหลักฐานในพงศาวดารภาคเหนือ วัดนี้น่าจะสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสามพระยาในปี พ.ศ. 2524

เจดีย์ทรงระฆังสร้างบนยอดทักษิณ มีช้างล้อมด้วยเชือกมากกว่า 80 เชือก ซึ่งน่าจะสร้างแบบไชยาเจดีย์ของพระเจ้าตุ๊ตคามีนมหาราชในศรีลังกา และคล้ายกับเจดีย์ช้างที่ล้อมรอบสุโขทัยและกำแพงเพชร วัดมหายงค์ได้รับการบูรณะ 1 ครั้งในปี พ.ศ. 2352 นอกจากนี้ยังมีลานสำหรับพระธรรมตะหรือโคกต้นโพธิ์ เป็นเนินเขาสี่เหลี่ยม ยาว 58 เมตร กว้าง 50 เมตร สันนิษฐานว่าเป็นที่ตั้งของศาลาที่พระเจ้าหรรษาวดีตะเบ็งชเวตีประทับ และด้านตะวันออกของวัด มีเจดีย์แบบลังกา 2 องค์ สภาพโดยรวมของวัดเป็นซากปรักหักพัง แต่ได้รับการบูรณะและจัดเป็นโบราณสถานของชาติ จึงทำให้วัดมหายงค์กลายเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม มีพิธีอุปสมบททุกเดือน งานบวชประจำเดือน ศีล 8 และงานบวชประจำเดือนและพระภิกษุที่ต้องการหาที่เที่ยวอย่างสงบ วัดนี้น่าสนใจมาก

 

วัดราชบูรณะ

 

 

วัดราชบูรณะสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าบรมราธิราชที่ 2 ในบริเวณเดียวกันและเป็นที่เผาเจ้าไอพระยาและเจ้ายี่พระยา ผู้เฒ่าทั้งสองเสียชีวิตภายในหลังจากการประหารชีวิตเพื่อบัลลังก์ของพ่อของเขา Indrathirat ซึ่งเสียชีวิตในปี 2510 เมื่อพระเจ้านครอินทราธิราชเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งกรุงศรีอยุธยา และพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ ผู้ประทานโอรสสามพระองค์ คือ เจ้าไอพระยา เจ้ายี่พระยา และเจ้าสามพระยา ได้แยกย้ายกันไปครองเมืองโดยปล่อยให้เจ้าไอพระยาบุตรคนโตของสุพรรณบุรี เจ้ายี่พระยาสนกลางแพรกศรีราชาและเจ้าสามพระยาบุตรคนสุดท้องครองเมืองชัยนาท (พิษณุโลก)

ในปี พ.ศ. 2510 สมเด็จพระนครินทร์ทราธิราชถึงแก่กรรมโดยไม่แต่งตั้งรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์อยุธยา เมื่อเจ้าไอพระยาและเจ้ายี่พระยาได้ยินข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ จึงทรงนำทัพเข้าเมืองขึ้นครองราชย์ตามพระราชบิดา ทั้งสองจึงนำทัพร่วมกันทุกประการ เจ้าไอพระยาตั้งกองทัพใกล้วัดพลับพลาชัยสวนมะพร้าว เจ้ายี่พระยาตั้งกองทัพใกล้วัดชัยภูมิ ป่ามะพร้าวใกล้สะพานป่าปัจจุบัน ทั้งสองส่องขากรรไกรพร้อมกันทำให้ตาย พร้อมกันนั้น เจ้าสามพระยาที่ไม่เข้าร่วมจึงมาจากชัยนาทเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ทันทีที่กรุงศรีอยุธยาแทนพระบรมราชธิราชที่ 2 พระราชบิดาเมื่อเจ้าสามพระยาเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ ดังนั้นงานศพของเชษฐาธิราชทั้งสองจึงจัดขึ้นพร้อมกัน พร้อมด้วยสถานที่ฌาปนกิจที่อุทิศให้กับการสร้างเจดีย์และวิหารชื่อเจดีย์เจ้ายี่พระยา

 

วัดใหญ่ชัยมงคล

 

 

ไหว้พระ9วัดอยุธยา   ที่สุดในอยุธยา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาที่วัดแห่งนี้ ประวัติวัดใหญ่ชัยมงคล เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น วัดอยุธยา สายมู  ในสมัยพระเจ้ารามาธิบดีที่ 1 หรือที่รู้จักในชื่อพระเจ้าอู่ทองผู้ก่อตั้งกรุงศรีอยุธยาตามตำนานว่าในปี พ.ศ. 2443 พระเจ้าอู่ทองได้ขุดพระศพเจ้าแก้วอย่างสง่างาม ที่ได้เผาศพด้วยอหิวาตกโรคที่งานศพถูกตั้งขึ้นเป็นวัดที่เรียกว่าวัดป่าแก้ว ต่อมาพระจากวัดป่าแก้วได้อุปสมบทเป็นโรงเรียนจากโรงเรียนรัตนมหาเถระในศรีลังกา พระท่านนี้เป็นที่เคารพนับถือของชาวอยุธยาอย่างสูง ทำให้มีคนมาบวชที่วัดป่าแก้วพระเจ้าอู่ทองมากขึ้น พระองค์จึงทรงตั้งอธิบดีนิกายนี้เป็นสมเด็จพระวันรัตน มีพระสังฆราชฝ่ายขวาพร้อมสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อุโบสถของวัดเคยเป็นที่ที่กลุ่มคิดกำจัดคุณวรวงศ์ สาติรัตน์ และท้าวศรีสุดาจันทร์ที่มาเล่นการพนันและสวดมนต์ 

ประสบความสำเร็จในสมัยนั้นพระเทียนราชาจึงถูกเรียกให้ขึ้นครองบัลลังก์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร เมื่อปี พ.ศ. 2204 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร เดชบรมนาถบพิตร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้บรมนาถบพิตร ฐานสักการะเนื่องในโอกาสกบฏพระศรีสิน พ.ศ. ๒๕๕๘ 2558 (2558) 2135 ในอาณาเขตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีเหตุการณ์สำคัญที่ชวนให้เราเข้าใจว่าเจดีย์หลักของวัดถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะเหนืออุปราชแห่งพม่า จึงมีความเชื่อกันว่านี่คือที่มาของชื่อวัดใหญ่ชัยมงคล

บทความแนะนำ